85% ของวัยรุ่นมักจะเป็นสิว แต่เป็นเรื่องที่น่าโชคดีว่าในยุคสมัยนี้นั้นมาผลิตภัณฑ์และยารักษาสิวมากมายให้เลือกใช้ ทั้งนี้แพทย์กล่าวว่าสาเหตุของสิวนั้นยังไม่สามารถทราบได้
สิวหัวดำ สิวหัวขาว สิวอักเสบ และซีสต์นั้นแพทย์ผิวหนังจัดประเภทที่เรียกว่าสิว และสิวนั้นมักจะพบได้มากในวัยรุ่นมากกว่าผู้คนในวัยอื่น ๆ อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิวบน cth.co.th
“คุณไม่ได้เป็นคนเดียวที่เป็นสิว” คำกล่าวของ Dr. Mathew Avram ผู้อำนวยการศูนย์เลเซอร์ผิวหนังและความงามโรงพยาบาลแมสซาชูเซตส์ในบอสตัน
แพทย์ส่วนใหญ่คิดว่าสิวเกิดจากการผลิตน้ำมันตามธรรมชาติในผิวหนังที่ผลิตมาในปริมาณมากเกินไป และการสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้วบนผิวหนังที่ไม่ได้รับการผลัดออกไป การอักเสบและการสะสมของแบคทีเรีย
แต่แพทย์ผิวหนังจาก American Academy of Dermatology กล่าวว่าแต่สาเหตุที่ชัดเจนนั้นยังเป็นที่น่าฉงน เนื่องจากไม่สามารถทราบสาเหตุที่แน่ชัดได้
สิวเกิดขึ้นได้อย่างไร
สิวเกิดขึ้นจากรูขุมขนโดยในรูขุมขนจะมีต่อมเหงื่อด้านล่างที่ผลิตน้ำมันออกมาบริเวณผิวหนัง แต่ทั้งนี้แพทย์ยังไม่สามารถบอกสาเหตุของการผลิตน้ำมันที่มากเกินไปออกมาได้ว่าเป็นเพราะอะไร และหากผิวผลิตน้ำมันออกมาเป็นจำนวนมากและมีเซลล์ผิวที่ตายแล้วและยังไม่ได้รับการผลัดผิวก็จะก่อให้เกิดสิวหัวดำหรือสิวหัวขาวได้
แบคทีเรียที่พบบนผิวหนังของทุกคนเรียกว่า P. acnes อาจเจริญเติบโตในน้ำมันส่วนเกินทำให้ผิวหนังอักเสบและทำให้เกิดสิว จากการอ้างอิงของ Mayo Clinic
ทำไมบางคนถึงเป็นสิว?
“เคยมีคนบอกไว้ว่าช็อคโกแลตทำให้เกิดสิว แต่ฉันไม่เห็นด้วยกับทฤษฎีนี้ Dr. Margaret Parsons กล่าวไว้ “สำหรับฉันความเครียดที่ทำให้อยากทานช็อคโกแลตก่อให้เกิดสิวต่างหาก
Parsons ได้บอกอีกว่าจากการศึกษาไม่พบการเชื่อมโยงกันระหว่างอาหารและสิว แต่จากการวิจัยพบว่าความเครียด ฮอร์โมน และพันธุกรรมคือปัจจัยที่ก่อให้เกิดสิวได้
เนื่องจากสาเหตุของการเกิดสิวนั้นยังไม่ชัดเจน แพทย์จะมีการกำหนดแนวทางในการรักษาตามความรุนแรงของสิว
การรักษาสิวแบบใหม่
ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา, แพทย์จำนวนมากได้หันมาใช้แสงเพื่อกำจัดสิว
ให้ทา ALA หรือ กรด aminolevulinic ลงไปบริเวณที่เป็นสิว นี่คือสิ่งที่แพทย์ผิวหนัง Monica Halem จากโรงพยาบาล York-Presbyterian แนะนำ
“หากส่องแสงสีน้ำเงินไปที่สิว จะทำให้มีปฏิกิริยาเกิดขึ้นและก็จะทำลายแบคทีเรีย เป็นที่นิยมกันมาก ฉันใช้วิธีนี้ในสำนักงาน” Halem กล่าว
วิธีการรักษาด้วยการฉายแสง ต้องมาทำการฉายแสง 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์และเมื่อสิวหาย ผู้ป่วยบางรายอาจะต้องมาเข้ารับการตรวจเป็นประจำทุกเดือน แต่ผู้ป่วยบางคนก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย
Halem กล่าวไว้ว่ามีผู้ป่วยผู้หญิงคนหนึ่งเธอได้มารับการรักษาด้วยการฉายแสงได้แนะนำต่อว่าถ้าใครคนไหนที่ใช้ครีมและกินยาแก้สิวไม่หายให้ลองมาใช้วิธีนี้ดู
การรักษาสิวแบบมาตรฐาน
สำหรับอาการของสิวที่เป็นเล็กน้อยถึงปานกลาง,แพทย์ส่วนใหญ่ให้คำปรึกษาให้ผู้ป่วยรักษาตัวที่บ้านหรือให้ใช้ยาที่มีขายตามร้านขายยาทั่วไปก่อนที่จะมาพบแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง
จากการวิจัยแสดงให้เห็นว่าการใช้ครีมหรือเจลจากร้านขายยาที่มีส่วนผสมของน้ำมันทีทรีออยล์ สามารถรักษาสิวได้หากเป็นสิวที่ไม่รุนแรงมากนัก จากข้อมูลของ Mayo คลีนิค
ขั้นตอนแรกของรักษาก็คือ ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นและใช้น้ำยาทำความสะอาดอ่อนๆ วันละ 2 ครั้ง
การขัดผิวด้วยน้ำยาทำความสะอาดที่แรงมากเกินไปจะทำให้ผิวระคายเคืองและอาจะทำให้ปัญหาแย่ลงได้ จากการอ้างอิงของ Mayo Clinic
Parsons กล่าวว่าเธอขอให้คนไข้ของเธอหลีกเลี่ยงที่จะสัมผัสไปโดนสิวเนื่องจากจะทำให้เพิ่มการอักเสบขึ้นและหลีกเลี่ยงมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่มีความมันและครีมกันแดดก็จะสามารถช่วยป้องกันสิวได้ในส่วนหนึ่ง. ผลิตภัณฑ์ที่มีข้อความระบุไว้ว่า “non-comedogenic” ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีโอกาสน้อยที่จะก่อให้เกิดสิวตามข้อมูลของสถาบันสุขภาพแห่งชาติ
“ มีผลิตภัณฑ์ที่ไม่ต้องสั่งโดยแพทย์มากมายที่นั่น” ดร. คริสติน่าคิมผู้ช่วยศาสตราจารย์คลินิกของ David Geffen School of Medicine จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียในลอสแองเจลิสกล่าว
อย่างไรก็ตามสิวที่เป็นรุนแรงที่ไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้ผิวหนังเป็นแผลเป็นได้, Kim กล่าวไว้
คำแนะนำเรื่องสิวสำหรับเด็กและผู้ใหญ่
“หากคุณมีรอยแผลเป็นที่เกิดขึ้นจากสิว คุณควรที่จะต้องรีบไปพบผู้เชี่ยวชาญl,” Kim กล่าวไว้.
แพทย์ผิวหนังมีความสามารถกำหนดวิธีการรักษาสิวโดยให้ลดปริมาณน้ำมันในผลิตภัณฑ์ลง เร่งการผลัดเซลล์ผิว ชะล้างแบคทีเรียและลดการอักเสบ จากการอ้างอิงของ Mayo Clinic
สิวที่เกิดขึ้นเล็กน้อยสามารถรักษาที่บ้านได้ด้วยการใช้ครีมหรือยาปฏิชีวนะเฉพาะที่เพื่อรักษาสิวได้ Avram กล่าว
ถ้าหากวิธีการรักษาขั้นต้นใช้ไม่ได้ผล ผู้ป่วยบางรายที่เป็นสิวขั้นรุนแรงอาจจะลองใช้ยาที่เรียกว่า Accutane เพื่อรักษาสิวแต่ Avram กล่าวว่า ยานี้มีความเสี่ยงและอาจจะเกิดผลข้างเคียงอื่นๆได้ ผู้ป่วยที่ใช้ยานี้ต้องได้รับการตรวจเลือด ตรวจการตั้งครรภ์ และต้องพบแพทย์เป็นประจำ
แต่ Avram ได้กล่าวไว้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ควรรู้สำหรับผู้ป่วยที่เป็นสิวก็คือต้องใช้เวลาในการดูแลรักษาอย่างดีจนกว่าอาการจะดีขึ้น
“ถ้าการรักษาส่วนใหญ่ไม่หายภายใน 6-8 สัปดาห์” Avram กล่าวว่า. แต่ก็จะพยายามต่อไปแม้ว่าการรักษาครั้งแรกจะไม่ได้ผลก็ตาม
“มีตัวเลือกหลากหลายวิธีในการรักษา” Avram กล่าวไว้
ข้อมูลเพิ่มเติม: แม้ว่าสาเหตุของการเกิดสิวยังค่อนข้างยากที่จะอธิบาย แต่วิธีการรักษาที่มีก็อาจจะช่วยลดการเกิดสิวขงอคนส่วนใหญ่ได้